สินค้า OTOP
ความเป็นมาของ OTOP
OTOP คือ ONE TAMBON ONE PRODUCT “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” เป็น แนวคิดที่ต้องการให้แต่ละหมู่บ้านมีผลิตภัณฑ์หลักเป็นของตัวเอง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบหรือทรัพยากร และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาทำการพัฒนาจนกลายเป็นสินค้าที่สามารถสร้างรายได้แก่ ชุมชน 4 ปีที่รัฐบาลยุคนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศ ได้ประกาศนโยบายประเทศไทยจะไม่มีคนจน รัฐบาล ส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม จากการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า โดยผลักดันโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อให้ชุมชนคิดค้นสินค้าจากท้องถิ่น ที่มีเอกลักษณ์ สามารถ พัฒนาคุณภาพตรงใจตลาดและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าจนสามารถนำส่งออกไปขายยัง ต่างประเทศได้ มีหน่วยงานของรัฐเข้ามาสนับสนุน ในเรื่องวิชาการ เทคโนโลยี ช่องทางการตลาด และขยายโอกาสให้ชุมชนเข้าถึงแหล่งทุนเป้าหมายที่วาดฝันไว้ ชุมชนต้องปรับเปลี่ยนตนเอง ยกระดับจากฐานะผู้ผลิตสินค้าขึ้นมาเหมือนเป็นบริษัทย่อยๆ ครบวงจร ทั้งการบริหารจัดการ ดูแลระบบการเงินและระบบบัญชี ควบคุมการผลิตให้ได้มาตรฐาน ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย มีความคล่องตัวในการติดต่อตลาด ได้ด้วยตัวเอง ทำให้รายได้จากการขายสินค้า หมุนเวียนอยู่ในชุมชน เศรษฐกิจของชุมชนเข้มแข็ง สมาชิกในชุมชนพึ่งตนเองได้ตัวเลขการก้าวกระโดดของการเติบโตของยอดการจำหน่าย สินค้า OTOP ใน 4 ปีที่ผ่านมา บวกกับการคาดการณ์ของรัฐบาล ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ารายได้และผลประโยชน์จากโครงการมีผลสะเทือนต่อประชาชน ทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย SMES ,ผู้ประกอบการเป็นเจ้าของแต่จดทะเบียนกลุ่ม,กลุ่มชาวบ้านชุมชน ,กลุ่มสหกรณ์/เกษตรกร ฯลฯ ความเชื่อมโยงของการทุ่มงบประมาณเป็นหมื่นล้านเพื่อพลิกเศรษฐกิจรากหญ้า โดยเฉพาะการชูโครงการ OTOP เพื่อสร้าง-รูปธรรมการส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากภาครัฐ การเปิดกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งทุนใหม่ที่จะนำไปสู่การสร้างรายได้ เรียกว่าเป็นทางเลือกอีกหนึ่งทางสำหรับชุมชนในการแสวงหาเงินทุน เพื่อผลิตสินค้า และหมดห่วงกับภาระหนี้สินของตนเองชั่วคราว จากโครงการพักชำระหนี้เกษตรกรผลลัพธ์จะตกอยู่ในกลุ่มรากหญ้าตามนโยบายรัฐ หรือไม่? การเร่งผลักดันสินค้าเปลี่ยนแปลงอะไรในชุมชน? สาเหตุที่มีชุมชนต้องบาดเจ็บจากการเข้าโครงการเพราะอะไรและมากน้อยแค่ไหน? ชุมชนมีหนี้สินเพิ่มจากการกู้ยืมเงินมาพัฒนาสินค้าเท่าไร? ยังไม่รวมถึงจะมีความสามารถในการจ่ายหนี้คืนไหม? ทางออกจากการผลิตที่ไม่มีตลาดรองรับจะแก้ไขวิธีไหน? หรือ การเผชิญหน้ากับปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมและสุขภาพจากการทำงานชุมชนจะรับมือ อย่างไร ? ปัญหาเหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่างปัญหาที่ถาโถมเข้าสู่ชุมชนระดับรากหญ้าจากสภาพกลุ่มจัด ตั้งล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก มาวิเคราะห์ 4 ปีที่เหลืออยู่ อาจต้องหันกลับมาทบทวนซ่อมแซมชุมชนที่มีปัญหา เพราะในความเป็นจริงในกลุ่มที่ได้เปรียบย่อมมีกลุ่มเสียเปรียบ เพียงนโยบายที่ใช้จะเดินด้วยวิธีการ มองข้าม ทิ้งหรือเแก้ไข รัฐจะมีแผนข้ามารองรับความบิดเบี้ยวของนโยบายและช่วยเหลือผู้เสียเปรียบให้ ผ่านวิกฤตได้มากน้อยแค่ไหน มาพบกับมุมมองบางส่วนที่อาจนึกไม่ถึง ชุมชนบางแห่งไปไม่ถึงดวงดาว และอยู่ในวังวนของ นโยบาย OTOP 4 ปีสร้าง (ปัญหา)ชุมชน
ผู้
ประกอบการ ชาวบ้านจะเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะแรงงานรับจ้างทำงานมากขึ้นตามคำ
สั่งของนาย จ้างจากการเปิดเผยตัวเลขของนายประชา มาลีนนท์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยฐานะประธานอำนวยการคัดสรรสุดยอด OTOP ปี
2547 จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับ 10 ธันวาคม 2547 เปิดเผยว่า สินค้า
5 ดาว มีจำนวน 539 ผลิตภัณฑ์ สินค้า 4 ดาว จำนวน 2,177 ผลิตภัณฑ์
และสินค้า 3 ดาว จำนวน 4,750 ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งสิ้น 7,450
ผลิตภัณฑ์ไม่มีการเก็บสถิติตัวเลขที่ปรากฏและอ้างอิงได้ว่า
สินค้าชุมชนตกรอบไม่มีดาว หรือได้ ดาวเพียง 1-2 ดวงมาปลอบใจ
จะมีมากน้อยแค่ไหน คำถามที่รอคำตอบอยู่เบื้องหลังว่า
ชุมชนจะบริหารจัดการกับวัตถุดิบ หรือสินค้าที่ผลิตและขายไม่ได้อย่างไร
เงินกู้ยืมของกลุ่มที่มาทำทุนจะคืนได้เมื่อไหร่
ปัญหาหรือตัวเลขที่เว้นวรรคไว้ อาจต้องเร่งทบทวนและหาทางออก
ประเมินสัดส่วนงบประมาณสนับสนุนใหม่ เพื่อพยุงหรือแก้ไข
สินค้าชุมชนจากรากหญ้าให้มีตอนจบสวยงาม
มาตราฐานสินค้าจากระดับภูมิภาคสู่สากล(Local Links – Global Reaches)
1. สามารถส่งออกได้ (exportable) โดยมีความแกร่งของตราสิน้า (brand equity)
2. ผลิตอย่างต่อเนื่องและคุณภาพเดิม (continuous & consistent)
3. ความมีมาตรฐาน (standardization) โดยมีคุณภาพ (quality) และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า(satisfaction)
4. มีประวัติความเป็นมาของผลิตภัณฑ์ (story of product)
2. ผลิตอย่างต่อเนื่องและคุณภาพเดิม (continuous & consistent)
3. ความมีมาตรฐาน (standardization) โดยมีคุณภาพ (quality) และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า(satisfaction)
4. มีประวัติความเป็นมาของผลิตภัณฑ์ (story of product)
ประเภทผลิตภัณฑ์ที่คัดสรร (Product Classification) มีอะไรบ้าง
1. ประเภทอาหาร หมายถึง ผลิตผลทางการเกษตรที่บริโภคสด เช่น ผลไม้ เป็นต้นและผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่พร้อมบริโภค หรืออาหารแปรรูปกึ่งสำเร็จรูปรวมถึง อาหารแปรรูปที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับ อุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น น้ำพริก เป็นต้น2. ประเภทเครื่องดื่ม หมายถึง ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น สุราแช่ สุรากลั่น เป็นต้น และไม่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่พร้อมดื่มผลิตภัณฑ์ประเภทชงละลาย ขิงผงสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ประเภทชง เช่น น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร ชาใบหม่อน ชาจีน เป็นต้น
3. ประเภทผ้า เครื่องแต่งกาย หมายถึง ผ้าทอและผ้าถักจากเส้นใยธรรมชาติหรือเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ เช่น ผ้าแพรวา ผ้าถักโครเชท์ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ประเภท เสื้อผ้าเครื่องประดับตกแต่งร่างกายจากวัสดุทุกประเภท เช่น ผ้าพันคอ หมวก กระเป๋า เข็มขัด สร้อยคอ ต่างหู รองเท้า
4. ประเภทของใช้และของประดับตกแต่ง หมายถึง ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องเขียน เครื่องใช้สำนักงานเครื่องตกแต่งบ้าน เครื่องใช้สอยต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มจักสาน ถักสานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการใช้สอย เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นต้น
5. ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร หมายถึง ผลผลิตจากธรรมชาติที่ไม่ใช่อาหารบริโภค
ประเภทผลิตภัณฑ์ที่คัดสรร (Product Classification) มีอะไรบ้าง
1. กลุ่มผู้ผลิตชุมชน หมายถึง
กลุ่มคนที่รวมกลุ่มกันทั้งที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการและไม่มีการจดทะเบียน
ได้แก่ กลุ่ม ชมรม สมาคม มูลนิธิ
โดยที่สมาชิกในกลุ่มมีการร่วม กันผลิต บริหารจัดการ และรับผลประโยชน์
2. กลุ่มผู้ผลิตวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้แก่ วิสาหกิจที่มีจำนวนการจ้างงาน มูลค่าสินทรัพย์ถาวรหรือทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ตามจำนวนที่กำหนดในกฎ กระทรวง
2. กลุ่มผู้ผลิตวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้แก่ วิสาหกิจที่มีจำนวนการจ้างงาน มูลค่าสินทรัพย์ถาวรหรือทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ตามจำนวนที่กำหนดในกฎ กระทรวง
การจัดระดับของสินค้า มีอะไรบ้าง
ในปี พ.ศ. 2547 กอ. นตผ. มีนโยบายจะเน้น “คุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์” โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งเข้าคัดสรรต้องได้รับรองมาตลบานที่กำหนด ซึ่งได้แก่ มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เป็นสำคัญโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารและเครื่องดื่ม ต้องผ่านมาตรฐาน หรืออยู่ใน หระบวนการพัฒนาเพื่อให้ได้มาตรฐาน
ดังนั้น จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ทั่วไป (general criteria)
และหลักเกณฑ์เฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ (specificcriteria) ใหม่
โดยกำหนดคะแนนรวมไว้ 100 คะแนน ได้แก่
ด้านหลักเกณฑ์การพิจารณาด้านการผลิตและความเข้มแข็งของชุมชน 40 คะแนน
ด้านตัวผลิตภัณฑ์ 30 คะแนน และด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ 30
คะแนนซึ่งจะนำมากำหนดระดับสินค้า (product level) ออกเป็น 5 ระดับ
ตามค่าคะแนน ดังนี้
1. ระดับ 5 ดาว ได้คะแนนตั้งแต่ 90 คะแนนขึ้นไป เป็นสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานหรือมีศักยภาพในการส่งออก
2. ระดับ 4 ดาว ได้คะแนนระหว่าง 89-90 คะแนน เป็นสินค้าที่มีศักยภาพ เป็นที่ยอมรับระดับประเทศและสามารถพัฒนาสู่สากลได้
3. ระดับ 3 ดาว ได้คะแนนระหว่าง 70-79 คะแนน เป็นสินค้าระดับกลาง ที่สามารถพัฒนาสู่ระดับ 4 ดาว
4. ระดับ 2 ดาว ได้คะแนนระหว่าง 60-69 คะแนน เป็นสินค้าสามารถพัฒนาสู่ระดับ 3 ดาวมีการประเมินศักยภาพเป็นระยะ
5. ระดับ 1 ดาว ได้คะแนนต่ำกว่า 60 คะแนน เป็นสินค้าที่ไม่สามารถพัฒนาสู่ระดับ 2 ดาวได้เนื่องจากมีจุดอ่อนมาก และยากต่อการพัฒนา
2. ระดับ 4 ดาว ได้คะแนนระหว่าง 89-90 คะแนน เป็นสินค้าที่มีศักยภาพ เป็นที่ยอมรับระดับประเทศและสามารถพัฒนาสู่สากลได้
3. ระดับ 3 ดาว ได้คะแนนระหว่าง 70-79 คะแนน เป็นสินค้าระดับกลาง ที่สามารถพัฒนาสู่ระดับ 4 ดาว
4. ระดับ 2 ดาว ได้คะแนนระหว่าง 60-69 คะแนน เป็นสินค้าสามารถพัฒนาสู่ระดับ 3 ดาวมีการประเมินศักยภาพเป็นระยะ
5. ระดับ 1 ดาว ได้คะแนนต่ำกว่า 60 คะแนน เป็นสินค้าที่ไม่สามารถพัฒนาสู่ระดับ 2 ดาวได้เนื่องจากมีจุดอ่อนมาก และยากต่อการพัฒนา
ตัวอย่างสินค้าOTOP
วีดีโอสินค้า OTOP
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น